วันพฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2562

ทิ้งกระเป๋าไว้ที่สนามบินแล้วไปเที่ยววัดนาริตะซันกัน

สวัสดีจ้า เนื่องจากไปเที่ยวญี่ปุ่่นมาและขากลับกทม เป็นไฟล์เย็น เลยมีเวลาเที่ยววันกลับอีก 1 วัน และในเมื่อฝนก็ตก เลยหาที่เที่ยวใกล้ๆ สนามบิน ซึ่งก็คือวัดนาริตะซันนั่นเอง ซึี่งก่อนจะออกไปเที่ยวได้นั้นต้องหาที่ฝากกระเป๋าก่อน ตอนแรกไม่ได้สนใจ locker ฝากกระเป๋าเลยเพราะคิดว่าน่าจะเต็ม เลยมองหาเคาเตอร์ฝากกระเป๋าบริเวณชั้น 1 เลยเอามาฝากไว้เผื่อเป็นแนวทางจ้า


  

เคาเตอร์ฝากกระเป๋า จะอยู่บริเวณชั้น 1 ตรง Terminal 3 เดินตรงไปเลยจ้า จะเห็นป้ายไฟสีเขียวๆ อยู่ทางซ้ายมือ นั่นคือ แมวดำนั่นเอง ถัดจากแมวดำไปจะเห็นเคาเตอร์ป้ายน้ำเงิน เราจะฝากกระเป๋ากันที่เคาเตอร์นี้ค่ะ

สำหรับราคาค่าฝากกระเป๋าต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ เพราะไม่ได้ถ่ายรูปรายละเอียดมาให้ 🙏🙏😥😥 แต่ราคาสูงสุดคือราคา 830 เยน/ใบ/วัน นะคะ ถ้าจำไม่ผิดและ ราคาลดลงตามขนาดกระเป๋าค่ะ

เรามีกระเป๋าขนาด 29 นิ้ว 1 ใบ กับเป้ใบใหญ่ที่สามารถใส่ในหูคันชักได้ 1 ใบ คุณลุงใจดีคิดแค่ใบเดียวค่ะ เพราะเป้มันอยู่ติดกระเป๋าใบใหญ่
หลังจากนั้นพนักงานจะสอบถามเวลาที่รับกระเป๋าและจำนวนวันในการฝากกระเป๋า เราฝากวันเดียวเค้าเลยคิดแค่ 830 เยน (เวลาทำการของเคาเตอร์คือ 6.30 - 22.00 น. นะคะ)



จากนั้นจะได้ใบรับกระเป๋ามา เรายังไม่ต้องจ่ายเงินนะคะ เค้าให้จ่ายเงินตอนเรามารับกระเป๋าค่ะ วันที่เราไปมีฝนตก คุณลุงใจดีให้ยืมร่มมาด้วยค่ะ^^

ฝากกระเป๋าเสร็จแล้วก็ถึงเวลาไปวัดนาริตะซันแล้วค่ะ Let GOooooooooooo

วัดนาริตะซันอยู่ใกล้สนามบินนาริตะแค่ 1 สถานี ค่ะ คือ นั่งรถ Keisei Mian line ไปลงที่สถานี นาริตะได้เลยค่ะ ใช้เวลาเดินทาง 7-8 นาทีเท่านั้นเอง 

ถึงจะเป็นสถานที่เที่ยวใกล้สนามบินแต่ก็มี pass ให้ใช้นะคะ นั่นคือ narita-kaiun pass นั่นเองค่ะ รายละเอียดและวิธีซื้อ pass สามารถดูได้ในนี้เลยค่ะ https://www.keisei.co.jp/keisei/tetudou/skyliner/th/tickets/narita-kaiun.php
ซึ่ง pass นี้ราคา 480 เยนค่ะ ราคาถูกกว่าซื้อตั๋วเป็นรายเที่ยวอีกค่ะ (ตั๋วราคาไป-กลับ ราคา 520 เยน ประหยัดไปได้ 40 เยน อิอิ) อีกทั้ง pass นี้ยังมีส่วนลดร้านค้าอีกนะคะ ชอบตรงนี้แล


พอกดตั๋วที่เครื่องเสร็จแล้วก็จะได้ pass หน้าตาแบบนี้มา หลังจากนั้นสอดตั๋วไปตรงช่องตรวจตั๋ว แล้วไปที่ชานชาลา 3 เลยค่ะ (ต้องสอดตั๋ว 2 ครั้งนะคะ ครั้งหนึ่งเข้าสถานี อีกครั้งหนึ่งเข้าชานชาลาค่ะ) เพราะเป็น ชานชาลาของ keisei main line นั่งรถไฟดูฝนเพลินๆ ก็ถึงสถานี Keisei Narita แล้วค่ะ


สถานี Keisei Narita เป็นสถานีเล็กๆ หาทางออกไม่ยากค่ะ เราออกมาเดินตรงมาแป๊บเเดียวก็เจอหอนาฬิกาเล็กๆ จากหอนาฬิกาเดินตรงไปเรื่อยๆ ก็เจอถนน Omotesando เดินตามถนนนี้ไปเรื่อยๆ เลยค่ะ เพราะถนนเส้นนี้เป็นเส้นทางไปวัดนาริตะซันค่ะ (ใครกลัวหลง ก็เดินตาม Google map เลยค่ะ)


ถนน Omotesando จะเป็นถนนเล็กๆ ซึ่งระหว่างเดินก็จะเจอรูปปั้นนักษัตร 12 ราศีไปตามทางค่ะ สามารถเดินถ่ายรูปไปอย่างชิวๆ ได้เลยค่ะ ในวันที่ฝนตกก็ดีไปอีกแบบ เพราะไม่มีใครเดินเลย 555 เดินกางร่มถ่ายรูปยาวๆ ไป 😂😂 เดินตามทางไปเรื่อย ก็เจอป้ายบอกทางไปวัดนาริตะซัน เลี้ยวขวาโลด



เดินเลี้ยวขวามาได้สักพักก็เริ่มหิวข้าว จากที่หาข้อมูลมา เค้าว่าแถวนี้ข้าวหน้าปลาไหลอร่อยและมีเจ้าดังอยู่ชื่อว่าร้าน คาวะโทโยะ (Kawatoyo) เลยต้องขอแวะสักหน่อย วันนี้โชคดีฝนตก คนเลยค่อนข้างน้อย ไม่ต้องรอคิว เย้ๆ (มีคนบอกว่าเวลาปกติ รอคิวกันยาวมาก) ในความฝนตกก็ยังมีความโชคดีอยู่😊😋
ทางร้านมีข้าวหน้าปลาไหลหลายขนาดให้เลือกค่ะ ซึ่งส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับขนาดปลา เช่น ขนาดปลา 2/3 ตัว ปลา 1 ตัว และปลา 1+1/2 ตัว ซึ่งทางร้านแนะนำขนาดปลา 1 ตัวค่ะ เลยจัดไป ราคา 3,600 เยน รวมภาษี หลังจากจ่ายเงินแล้ว พนักงานจะให้บัตรแข็งๆ มาให้ค่ะ แต่ๆๆๆๆ ช้าก่อนถ้าคุณแสดง Kaiun pass คุณจะได้ซุปใสฟรี 1 ถ้วย เราเลยบอกเอา pass ให้พนักงานดู พนักงานก็เลยแถมซุปมา 1 ถ้วย อร่อยเลย อิอิ

ร้าน คาวะโทโย มี โต๊ะ 2 แบบนะคะ คือ แบบนั่งเสื่อกับนั่งเก้าอี้ ถ้าเราอยากนั่งเสื่อ เราต้องถอดรองเท้าแล้วพนักงานก็จะเอาถุงพลาสติกให้เราเอารองเท้าใส่ในถุงก่อนเข้าไปนั่งโต๊ะค่ะ พอเราได้ที่นั่้งเสร็จแล้ว เค้าก็จะเอาแผ่นป้ายบอกวิธีทานข้าว ผ้าร้อน และตะเกียบมาให้ค่ะ แล้วพนักงานก็จะฉีกออเดอร์ที่เป็นป้ายแข็งๆ ออกครึ่งหนึ่ง หลังจากนั้นเราก็รอข้าวได้เลยค่ะ 😋😋😋😋







รอไม่นานข้าวหน้าปลาไหลที่รอคอยก็มา กลิ่นหอมมาก เค้าจะเสิร์ฟพร้อมผักดองค่ะ ถ้าใครไม่ถนัดใช้ตะเกียบสามารถขอช้อนจากพนักงานได้เลยนะคะ ความรู้สึกส่วนตัว เราว่าอร่อยค่ะ แต่ตัวปลาจะมีก้างเล็กๆ เยอะไปหน่อย เราเคยไปกินที่ร้าน irokawa ตรงวัดเซ็นโซจิ อากากุสะ เราว่าร้าน irokawa อร่อยกว่านิดนึงและไม่มีก้างเล็กๆติดอยู่เลย อันนี้แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคลนะคะ พออิ่มท้องแล้วก็เดินกันไปต่อค่ะ




 

 

 

 

 






เดินมาเรื่อยๆ ก็ถึงวัดนาริตะซันค่ะ ต้องขอบอกเลยว่าวัดนี้บันไดเยอะมากๆ แต่ทางวัดก็มีลิฟท์สำหรับผู้สูงอายุ หรือคนที่ต้องใช้รถเข็น เช่นเด็กน้อยและคนพิการนะคะ ถือว่าดีเลยค่ะ วันที่เราไป ฝนตก ซึ่งแน่นอนว่าคนน้อยดี 555




บันไดทางขึ้นวัดจะมีสะพานข้ามบ่อน้ำอยู่ ทั้ง 2 ฝั่งจะโขดหินเล็กๆ ซึ่งมีคนโยนเหรียญลงไปด้วยค่ะ คิดว่าน่าจะโยนเหรียญเพื่ออธิษฐานกันแต่เราสังเกตเห็นเต่าน้อยเลยไม่กล้าโยนเหรียญลงไป กลัวเต่าไปกิน 😅😅
























วัดนาริตะซันมีพื้นที่ค่อนข้างกว้างและ มีสถานที่ถ่ายรูปค่อนข้างเยอะ และอย่างที่บอกวันที่เราไปฝนตก ทำให้คนค่อนข้างน้อย เลยเดินได้อย่างชิวๆ สบายๆ ใครมีเวลาประมาณ ครึ่งวันก็สามารถเที่ยวได้อย่างสบายๆ ค่ะ


ปิดท้ายด้วยเครปเชอรี่ ซึ่งมีแต่วิปครีมและเชอรี่เยอะมากทั้งชิ้น อร่อยมาก 💓💓 ขนมที่ได้ตรงปกด้วย 5555


ขอบคุณที่หลงเข้ามาอ่านค่ะ🙏🙏🙆🙆

Tukky^^